ทำไม?  ทำไมจนป่านนี้เรายังไม่ยอมตัดใจ
..
ทำไม? ทำไมจนป่านนี้ยังลืมเขาไม่ได้
ทั้งๆ ที่เขาก็มีคนรักอยู่แล้วทั้งคน
..
เจ้าหญิงเฟลิโอน่า
..หญิงเดียวที่ได้ครอบครองหัวใจของเจ้าพี่คาโล
.
ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำให้เจ้าพี่คาโลยิ้มได้เสมอ
ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำให้เจ้าพี่คาโลหัวเราะ
ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำให้นัยน์ตาสีฟ้าที่เคยสงบนิ่งต้องหวั่นไหว
.
สิ่งที่เราไม่เคยสามารถทำได้อย่างเธอ
ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอก  ทำไมเรายังไม่ตัดใจ
เรนอนมองภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บช้ำ
ภาพที่คาโลกำลังกอดเฟรินไว้แนบอก
ภาพที่คาโลกำลังแย้มรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งจากเจ้าชายน้ำแข็งแห่งคาโนวาล
..
รอยยิ้มที่มีไว้เพื่อมอบให้แด่เธอ
..
เจ้าหญิงเฟลิโอน่า
..เพียงผู้เดียว
พลันน้ำตาแห่งความน้อยใจก็ไหลรินอาบแก้มใส  เบือนหน้าหนีภาพเบื้องหน้าที่ทำให้หัวใจของเธอต้องเจ็บปวด  เธอรู้ว่าเธอแพ้    แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ขึ้นสังเวียนแห่งรัก    ไม่ว่าจะทำยังไงเจ้าพี่ก็ไม่เหลียวมองเธอเลย  ทั้งๆ ที่เธอเฝ้ามองดูเขามาตลอด
..
“เรนอน
..”  เสียงจากคิลนักฆ่าอารมณ์ดีดังขึ้น
“เรนอน
.เธอ
เธอร้องไห้!!?”  ใบหน้าคมๆ ของนักฆ่าสลดวูบ  เสียงประหลาดใจปนความห่วงใยลอดออกมาจากปากชายหนุ่มนัยน์ตาสีม่วง
.
“ฮึกๆๆ
ฉะ
ฉัน
มะ
ไม่
เป็นไร
..”  เสียงขาดหายเป็นช่วงๆ ตามแรงสะอึกสะอื้นของเจ้าหญิงคนงามแห่งคาโนวาล  น้ำตาไหลพร่างพรูนองหน้า  เป็นภาพที่ใครเห็นแล้วก็ต้องสะท้านใจ
.
เท้าน้อยๆ ของเรนอนก้าววิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นทันที!!    เธอเองก็เป็นคนของคาโนวาล
..ดินแดนแห่งนักรบ
..ด้วยศักดิ์ศรีแห่งความเป็นเจ้าหญิงจะอ่อนแอให้ใครเห็นไม่ได้เด็ดขาด!!!
“เรนอน
” นัยน์ตาสีม่วงมองตามร่างคนร้องไห้ที่วิ่งออกไปด้วยความสงสารจับใจ  แต่พอมองเห็นตัวต้นเหตุสองคนที่กำลังสวีทหวานจ๋อยชนิดไม่กลัวว่ามดคันไฟทั้งฝูงจะรุมทิ้งพวกมันตายคาที่เพราะความหวานเกินพิกัดก็พอจะทำให้เขาเข้าใจเหตุผลในทันที    จะให้ทำยังไงได้  เขาปลอบผู้หญิงไม่เก่งซะด้วยสิ..
“มัวแต่ชักช้าอยู่นั่นแหละ  เรนอนวิ่งไปโน่นแล้วนะ
” 
“โร!!!!” เจ้าขอทานเจ้าเล่ห์ตัวแสบ  มันโผล่มาข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!?
“นายนี่เป็นโรคชอบโผล่มาข้างหลังเหมือนที่ไอ้เฟรินบอกจริงๆ ด้วย
.  ว่ายังไงล่ะนายขอทานผู้สูงศักดิ์  จะว่าไปการประลองของเราก็ยังไม่รู้ผล  รึจะต่อให้มันจบๆ ไปเลยดีมั้ย
.”
“นายนี่ใจร้อนจริง
. วันนี้ฉันมาดี  ไม่ได้มาขอวิวาทด้วยหรอก..”  ขอทานบอกอย่างอารมณ์ดี
“นั่งคุยกันหน่อยดีมั้ย?”  เสียงขอทานกำมะลอชักชวน
นักฆ่าหนุ่มมีท่าทีลังเลอยู่พักนึง  ก็ยอมนั่งลงข้างๆ เจ้าขอทานคู่ปรับตัวแสบ
“ทำไมพวกผู้หญิงถึงชอบร้องไห้กันจังนะ  ถ้ารู้ว่าเจ็บทำไมไม่รีบตัดใจ จากไอ้รักคุดๆ เนี่ย    ผู้หญิงงี่เง่าอย่างงี้เหมือนกันหมดทุกคนมั้ยเนี่ย”  เสียงบ่นยาวเป็นพรืดดังลอดออกมาจากปากของคิลเลอร์ผู้อ่อนประสบกาณ์เรื่องหญิงๆ    แน่นอนเขาไม่เคยเข้าใจหัวอกผู้หญิงมาก่อน  ก็นั่นแหละถึงเขาจะมีเพื่อนรักเป็นผู้หญิง  แต่มันก็เป็นผู้หญิงแค่เปลือก!!!
“นายคิดว่าไงล่ะ
”  ประโยคฮิตติดปากที่แสนจะกวนบาทาดังมาเข้าโสตชายหนุ่มนักฆ่านัยน์ตาม่วง
.
เจ้าขอทานตัวดีหัวเราะชอบใจที่เห็นท่าทีกระฟัดกระเฟียดของนักฆ่าหน้าละอ่อนที่นานๆ ทีจะมีให้เห็น  แววตาสีเขียวเป็นประกายวิบวับสุขใจที่ได้แกล้งคน..
“โทดที  เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะเล่านิทานให้นายฟังเป็นการไถ่โทษก็แล้วกันนะ”
“เฮ้ย!! ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะโว้ย  จะได้มานั่งฟังนิทานก่อนนอน”  คิลโวยวาย  แต่เจ้าขอทานมันฟังซะที่ไหนล่ะ  มันเริ่มขยับปากพล่ามออกมาอย่างไม่สนใจไอ้คิลเลอร์ที่นั่งหัวเด่อยู่ข้างๆ
“นายเคยได้ยินตำนานเรื่องดอกทานตะวันมั้ย?”
คิลส่ายหน้า  นัยน์ตาสีม่วงมีประกายของความฉงน  ชักเริ่มสนใจนิทานของเจ้าคนตรงหน้าขึ้นมานิดๆ
.
“
นานมาแล้วในดินแดนของเหล่าทวยเทพ  มีหญิงสาวผู้หนึ่งหล่อนมีชื่อว่าไคลที  หญิงสาวที่งามพิสุทธิ 
ชายหลายคนต่างหมายปองเธอ    แต่เธอก็ไม่เคยสนใจ  หางตาเธอก็ไม่แลพวกผู้ชายที่แห่กันมาสู่ขอเธอไปเป็น
ภรรยา  เพราะเธอมีชายหนุ่มที่เธอหมายปองอยู่แล้ว
.
.เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์  เทพหนุ่มรูปงามที่ไม่ว่าสาวไหนเห็นก็จะต้องตกหลุมรัก  ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์
หรือนางฟ้า
.เทพองค์นี้จะต้องทรงรถพระอาทิตย์สีทองจากฟากฟ้าทิศตะวันออกไปจนสุดทิศตะวันตกทุกวันๆ
..
เวลาผ่านไปทุกวันๆ  หญิงสาวก็ยังเฝ้ามองการโคจรของรถดวงอาทิตย์ที่เทพรูปงามองค์นั้นประทับอยู่เป็น
ประจำ  เธอมีความสุขที่ได้ทำอย่างนั้นถึงแม้จะรู้ว่าความเป็นจริงเขาไม่มีวันจะเหลียวมองเธอเลยก็ตาม
.
แต่เธอก็ยังเฝ้ารอ
..ขอให้ได้เห็นหน้า
.ขอเพียงเท่านั้นก็เป็นสุขแล้ว
..เหล่าทวยเทพอื่นๆ ต่างพากันสงสารและเห็นใจในความรักที่มั่นคงของหญิงสาว    แต่จะทำอย่างไรได้ใน
เมื่อเทพแห่งดวงอาทิตย์ไม่ได้มีความใยดีในตัวเธอเลย    หญิงสาวผ่ายผอมลงทุกวัน  ร่างกายก็เริ่มอ่อนแอป่วย
กระเสาะกระแสะ  แต่เธอก็ยังขอทำในสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุข  เธอยังเฝ้ามองดูราชรถสีทองผ่านหน้า
ต่างบานน้อยจากห้องนอนของเธอ
..จนวันหนึ่งร่างกายของเธอก็ทนไม่ไหว
..เหล่าทวยเทพจึง
บันดาลให้ร่างของเธอกลายเป็นดอกทานตะวัน
..ดอกทานตะวันที่จะหันหน้าตามการโคจรของดวง
อาทิตย์
.ดอกทานตะวันที่จะเฝ้ามองดูชายที่เธอรักตลอดไป
.
..ฟังเรื่องนี้จบแล้วนายคิดว่ายังไง?”  โรหันไปถามคิล  แต่ก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจสุดๆ    เพราะไอ้นักฆ่าคู่ปรับตัวฉกาจมันร้องไห้!!! 
“อ่ะ  ฉันให้ยืม
..”  โรยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยส่งให้คิลอย่างอึ้งๆ
คิลรับผ้าเช็ดหน้าอย่างว่าง่าย  พร้อมกับสั่งน้ำมูกดังพรืด  แล้วก็ส่งคืนให้โร
“ไม่เป็นไร  ไม่ต้องคืนก็ได้
ฉันยกให้นายไปเลย
.”  โรรู้สึกขนลุก  เมื่อมองผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมันมีของเหลวสีเขียวหนืดๆ อยู่เต็มผืน
“ออบไอ”  (ขอบใจ) เสียงพูดอู้อี้จากนักฆ่าอารมณ์อ่อนไหว
.
“ทำไมพวกผู้หญิงถึงต้องทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นด้วยนะ”  คิลเริ่มเอ่ยถามเจ้าขอทานเมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้นแล้ว
“ฉันนึกว่าเล่าให้นายฟังแล้วจะเข้าใจอะไรขึ้นมาซะอีก        เพราะผู้หญิงมีความรักที่มั่นคงมากไงล่ะ  เรนอนก็เหมือนไคลทีที่ไปหลงรักเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์    ขอเพียงได้มอง  ขอเพียงได้รักก็มีความสุขแล้ว
.”
โรตอบพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ  อย่าว่าแต่พวกผู้หญิงเลย  ตัวเขาเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะเขาเองก็เป็นคนจำพวกเดียวกับไคลที  มีความสุขแม้ไม่ได้ครอบครอง  มีความสุขที่เห็นเธอเป็นสุข แม้จะยืนมองดูเธออยู่ห่างๆ 
“แต่หลงรักข้างเดียวเนี่ยนะ    ยังไงๆ ฉันก็ไม่เห็นด้วย  เกิดเป็นคนมันต้องสนุกสนานร่าเริง  มัวแต่อมทุกข์ก็เสียชาติเกิดแย่”  พ่อนักฆ่ายังแย้งไม่เลิก
..
“งั้น
..นายจะทำยังไงล่ะ?”  โรเลิกคิ้วสนใจในคำตอบของคนตรงหน้า 
“
”  ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกจากปากคนที่กำลังนิ่วหน้า  หัวสมองที่ไม่ค่อยได้ใช้กำลังขบคิดปัญหานี้อย่างหนัก
.
“มันเป็นเรื่องของความรัก  มันอยู่ที่เจ้าตัวเขาจะแก้ปัญหานี้ยังไง  จะปล่อยไปตามยถากรรมหรือเขาจะค้นพบหนทางแห่งความสุข  มันก็ขึ้นอยู่ที่ใจของเขาเอง    เรื่องแบบนี้น่ะมันไม่มีคำตอบตายตัวหรอก
” 
..คิลนั่งฟังเลคเชอร์จากท่านอาจารย์โรด้วยสีหน้าที่สับสน  ทำไมเดอะคิลเลอร์อย่างเขาต้องมานั่งฟังไอ้เรื่องพรรค์นี้ด้วยฟระ    เรื่องความรักเอย  เรื่องความนึกคิดของผู้หญิงเอย    มันเกี่ยวกับตัวเขาตรงไหนเนี่ย!!!?
“เฮ้ออออ
.ฉันคงยังต้องเรียนรู้อีกมาก”  เสียงถอนใจเฮือกใหญ่ดังมาจากนักฆ่าผู้อ่อนต่อโลก  สงสัยว่าเขาคงจะต้องหานิยายรักน้ำเน่ามาอ่านมั่งซะแล้ว    อาจทำให้เขาหาคำตอบได้
..ถ้าให้ไปถามไอ้เฟรินก็คงไม่ไหว  เสียเชิงแย่หมด
..
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก    แต่ฉันว่าอยากแรกที่นายต้องเรียนรู้คือการปลอบใจผู้หญิงนะ    นายน่ะ
.”
“ฉัน
.???”  ใบหน้าของคิลฉายแววงุนงง  เริ่มรู้สึกตะหงิดๆ กับแววตาสีเขียวที่ดูมีเล่ห์กลของคนตรงหน้า
.
“ชอบเรนอนใช่มะ?”
“เฮ้ยยยยย!!!!!!”  คำถามที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีคนกล้าถามฟาดเปรี้ยงลงมาที่กลางใจนักฆ่าน้อยอย่างจัง!!
“ไม่ใช่”  คิลรีบปฏิเสธทันที
“ถ้าไม่ใช่ทำไมต้องสนใจเรื่องของเรนอนด้วยล่ะ
หืม?”
“เอ่อ
อ
.ฉะ
.ฉันแค่
..ฉันแค่
..”  คิลน้อยเริ่มอึกอักไม่สามารถตอบคำถามคนข้างหน้าได้
..   
.นั่นสิ  ทำไมเราต้องห่วงยัยเจ้าหญิงบ้านั่นด้วย
..
..ทำไมแค่เห็นเธอไม่สบายใจก็รู้สึกกระสับกระส่าย
.
..พอเห็นเธอร้องไห้ใจของเราก็เหมือนถูกไฟฟ้าแสนโวลท์ช็อต
.
.อยากให้เธอยิ้ม
.อยากให้เธอหัวเราะ
.
อยากให้เธอมีความสุข
.
ก็เท่านั้นเอง
.แต่เอ๊ะ!!!  รึว่า
รึว่า
..รึว่าเราจะ
.จะ
เป็นไปไม่ได้น่า
..แต่ถ้าเราคิดแบบนั้นกับเธอจริงๆ ล่ะ
..แต่ยังไงซะเราเป็นนักฆ่านะ
..ส่วนเธอเป็นเจ้าหญิง
ยังไงหางตาเธอก็คงไม่มีทางแลเรานักฆ่ากระจอกอย่างเราหรอก
.
คิดแล้วหนุ่มน้อยอ่อนประสบการณ์รักก็ส่ายหน้าวืดๆ  เพื่อไล่ความคิดประหลาดๆ ที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้ยังไงออกไป  แต่แล้วความคิดชั่วแวบก็แล่นเข้าสู่สมองน้อยๆ ของคิล
..
.มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอก
เขาเคยทำในสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนแล้วนี่
.
..พ่อเคยบอกว่านักฆ่าไม่จำเป็นต้องมีเพื่อน
.
.แต่เขาก็ดันแหกคอกมีเพื่อนรักโผล่มา 2 หน่อ
..
.แต่พ่อไม่ได้บอกว่าห้ามเรามีคนรักนี่
.
.แค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้
..
.ถึงจะไม่ได้ความรักตอบจากเธอก็ไม่เป็นไร
..
..แค่ทำให้เธอยิ้มได้ก็คงพอ
    รอยยิ้มกรุ้มกริ่มฉายอยู่บนริมฝีปากของนักฆ่า  จนโรที่นั่งข้างๆ เห็นก็ยังประหลาดใจ
..ตอนแรกมันร้องไห้
.ต่อมามันนั่งหน้ามุ่ย
เมื่อกี้มันส่ายหัววืดๆ
..ตอนนี้มันยิ้ม!!! 
..รึว่ามันคิดมากจนเพี้ยนไปแล้ว!!!!!
..
    “ขอบใจมากโร  สำหรับคำแนะนำ”
แล้วคิลก็รีบวิ่งออกไปทิ้งให้ขอทานผู้ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกนั่ง งงงวยอยู่ตรงนั้น
    “เรนอน
เรนอน”  เสียงนักฆ่าเจ้าเก่าร้องเรียกอยู่หน้าห้องของเธอ    เสียงนั้นสามารถดึงความสนใจของเจ้าหญิงที่กำลังอยู่ในอารมณ์ซึมเศร้าได้อย่างดี  เธอนึกสงสัยว่าเขามีธุระอะไรกับเธอนะ  จึงประตูห้องออกมาดู
. 
ตอนนี้มาทิลด้า กับแองจี้ไม่อยู่กับเธอซะด้วยเพราะต้องไปประชุมกับรุ่นพี่  เรนอนที่ขอตัวเพราะอ้างว่าไม่สบายจึงอยู่ในห้องคนเดียว
..
..เมื่อประตูห้องเปิดออกเธอเห็นหน้าของชายหนุ่มผมดำกำลังยืนยิ้มแผล่  มือทั้งสองซ่อนอะไรบางอย่างไว้ข้างหลัง
    “อ่ะ  ฉันให้
.”    เรนอนมีสีหน้าประหลาดใจ    น่าจะเรียกว่าอึ้งมากกว่าเพราะคนตรงหน้ากำลังทำสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน  แล้วรับรองว่าไม่ว่าใครก็ต้องนึกไม่ถึง  แม้แต่เฟรินเพื่อนเลิฟของคนตรงหน้าก็ตาม
..
    ดอกทานตะวันดอกใหญ่สีเหลืองสดถูกยื่นให้เจ้าหญิงคนงามแห่งคาโนวาลทันที  เธอยืนตะลึงแต่ก็ไม่ลืมที่จะยื่นมืออกไปรับดอกไม้นั้นมา    แล้วสายตาเธอก็เหลือบไปเห็นริ้วรอยตามมือและใบหน้าของคนตรงหน้า
    “หน้าเธอ???”
    “อ๋อ
.ฉันแอบออกไปข้างนอกมา  แล้วก็ย่องเข้าไปในสวนดอกทานตะวันของชาวบ้านน่ะ  แต่โดนหมาที่เฝ้าสวนมันไล่กัดน่ะ  ก็เลยได้แผลมานิดหน่อย
.ฮะฮะ
..แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”  ชายหนุ่มบอกอย่างอารมณ์ดี  ไม่ได้ใส่ใจสภาพรุ่งริ่งของตัวเองสักนิด
    “ทำไม?” คิ้วเรียวบน ใบหน้าสวยนั่นเริ่มขมวดเป็นปมอย่างไม่เข้าใจ
    “ฉันอยากให้เธอเข้มแข็งเหมือนดอกทานตะวันที่ไม่ว่าดวงอาทิตย์จะแผดแสงร้อนแรงแค่ไหน  แต่มันก็
ยังคงงดงามอยู่
เอ่อ
เอาเป็นว่าฉันไม่ชอบเวลาเห็นเธอทำหน้าอมทุกข์ยังกะแบกโลกไว้ทั้งโลกน่ะ
.
ฉันอยากเห็นเธอสดใสร่าเริงเหมือนทานตะวันดอกนี้นะ
..”  ชายหนุ่มหน้าเริ่มขึ้นสีแปร้ด  ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่
เคยพูดอะไรยาวๆ  และเลี่ยนๆ แบบนี้มาก่อนเลย  เจ้าตัวชักยืนไม่อยู่สุข  ตัวบิดไปบิดมา  ถ้าหากเป็นสาวน้อย
ทำก็ต้องบอกว่าน่ารัก  แต่นี่มันเป็นผู้ชายแถมยังเป็นทายาทนักฆ่าคนสำคัญก็คิดเอาเองล่ะกันว่าภาพจะออกมา
แบบไหน
..
    หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ กับท่าทีของคนที่อยู่ตรงหน้าที่จะว่าไปก็น่าเอ็นดูเหมือนกัน
    “ขอบคุณนะที่เป็นห่วง  คุณคิลใจดีมากกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก”
    “เรนอน
.”
    “ไม่ต้องห่วงนะคะ    ฉันจะไม่มีทางทำลายความรักของเจ้าพี่คาโลกับคุณเฟรินเด็ดขาด  ฉันกำลังทำใจอยู่ค่ะ  ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้เพื่อนๆ ของคุณเดือดร้อน
”  เธอยิ้มให้เขาอย่างเศร้าๆ
    “เรนอน
.มันไม่ใช่เรื่องนั้น
แต่ฉันเป็นห่วงเธอจริงๆ”  คิลหลุดปากไปแล้วเขาแทบตะครุบปากตัวเองไว้ไม่ทัน
    “คุณคิล
.”  เรนอนอุทานเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะรู้สึกแบบนั้นกับเธอ  ที่แล้วๆ มาเธอกับเขามักจะมีเรื่องทะเลากันอยู่เสมอ  นึกไม่ถึงนี่เขาเป็นห่วงเธอด้วยรึเนี่ย  รอยยิ้มน้อยๆ ของเจ้าหญิงเริ่มปรากฎขึ้นบนริมฝีปากเรียว  ภาพตรงหน้าที่ทำให้หัวใจของนักฆ่าแทบจะกระโดดออกมาเต้นอยู่นอกอก
    นัยน์ตาสีม่วงของคนทั้งสองสบประสานกันอยู่คู่ใหญ่  ไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของคนทั้งคู่      รอบด้านดูเหมือนจะเงียบกริบเหมือนโลกๆ ทั้งโลกมีแค่เขาและเธอเท่านั้น
.
   
.รึว่าถึงเวลาแล้วที่เธอควรจะเริ่มมองใครสักคนเพื่อมาประสานรอยร้าวที่อยู่ในใจ
อาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้ที่หัวใจดวงน้อยของเธอจะได้รับการเยียวยา
สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น    เมื่อเจ้าหญิงคนงามเขย่งเท้าเพื่อมอบจุมพิตให้กับนักฆ่าหนุ่มที่กำลังตะลึงจนตาค้าง!!!!  คิลมองเจ้าหญิงคนงามที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้า  ใบหน้าใกล้ชิดกันจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ  เขาค่อยๆ ปรือตาลงรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ
.
..สัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปาก
.
..มันรู้สึกดีอย่างงี้นี่เอง
..
มิน่าไอ้เฟรินกับคาโลมันถึงชอบจูบกัน
ชายหนุ่มยังคงตกตะลึงจนตัวแข็งเป็นหิน  เขารู้สึกว่าหัวใจของเขามันเต้นไม่เป็นจังหวะ  มันรัวและเร็วยิ่งกว่าตีกลอง  มันเต้นเร็วถี่ยิบจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมาข้างนอกรึป่าว!!!  เขาจะตายมั้ย!!!  รึว่าเขาจะต้องจบชีวิตลงตรงหน้าแม่เจ้าหญิงคนงามแห่งคาโนวาลนี่ซะแล้ว!!!! 
จนเมื่อสาวงามถอนริมฝีปากออกไปแล้วทายาทนักฆ่าผู้อ่อนต่อโลกก็ยังไม่คลายจากอาการตกใจ  เขารู้สึกร้อนวูบๆ  ที่ใบหน้า !! 
..ถ้าไอ้เฟรินมาเห็นเข้า  เขาคงไม่พ้นโดนมันประนามว่าไอ้นักฆ่าอ่อนหัดแน่ๆ
.
“ระ
เรนอน
ทำไม???”
“จุมพิตจากเจ้าหญิงเพื่อรักษาบาดแผลค่ะ”  เจ้าหญิงตอบอย่างอายๆ  หน้างามๆ ขึ้นสีจนดูน่ารัก 
บาดแผลต่างๆ บนตัวนักฆ่าเริ่มหายไปจนไม่เหลือร่องรอย    เขาทึ่งกับความสามารถของเธอที่เคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องจุมพิตของคาโนวาลมาบ้าง  แต่ก็ต้องทึ่งเมื่อได้มาเห็นของจริง    แต่ที่ทึ่งสุดๆ คงเป็นความใจกล้าของเจ้าหญิงที่ดูอ่อนแอตรงหน้าที่ใจกล้าเหลือเชื่อ!!!
“เอ่อ
.คุณคิลคะ
ฉันยังมีงานค้างอยู่ต้องขอตัวทำงานก่อนนะคะ  แล้วก็ขอบคุณมากค่ะสำหรับดอกไม้”  เจ้าหญิงคนงามพูดเสร็จก็หันหลังปิดประตูห้องทันที 
คิลน้อยผู้น่ารักยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น  เขายิ้มน้อยๆ  มือไล้ริมฝีปากตัวเองเบาๆ  หน้ายังคงแดงซ่านเมื่อนึกไปถึงสัมผัสเมื่อครู่ที่คนตรงหน้ามอบให้    แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง!!!!
“เฟริน!!! ฉันรู้นะว่าเป็นแก    แกจะออกมาดีๆ หรือจะให้ฉันลากตัวแกออกมา”  คิลหันไปมองตรงถังขยะใบยักษ์ตรงระเบียงทางเดิน  เขาจำได้ว่าไอ้ถังขยะใบนี้มันตั้งอยู่ตั้งไกล  แล้วแค่พริบตาเดียวมันมาโผล่อยู่ที่นี่ได้ยังไง  เหตุผลมีอยู่อย่างเดียวเท่านั้น    ไอ้หัวขโมยงี่เง่า!!!
ซวยแล้ว!!!
..
เจ้าหญิงหัวขโมยตัวแสบรู้ว่าตัวเองพลาดซะแล้ว  เธอค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากที่ซ่อน  ส่งยิ้มแห้งๆ  แล้วสมองของหัวขโมยก็เริ่มคิดหาทางหนีทีไล่อย่างรีบด่วน
.
เอาวะทำใจดีสู้เสือหน่อยเป็นไร  ทีมันยังมาแอบดูเราบ่อยๆ  ขอดูมันคืนบ้างมันคงไม่ว่าหรอก
แล้วปากหมาๆ ของเจ้าหล่อนก็เริ่มทำงานทันที
..
“แกเก่งเหมือนกันนี่หว่าไอ้คิล    แหมวิชาจีบสาวของแกเนี่ยใช้ได้เลยนะ  จุ๊จุ๊จุ๊  ไม่ต้องพึ่งฉันก็ได้รับจูบจากสาวงามมาซะด้วย”  เจ้าหญิงสองแผ่นดินที่ไม่เคยทำตัวสมหญิงเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี  หัวเราะก๊ากๆ หวังจะกลบเกลื่อนความผิดที่ก่อไว้  แถมมันยังไม่มีทีท่าจะสำนึกว่าความหายนะกำลังมาเยือน    มันกลับเดินเข้าไปตบไหล่เพื่อนดังป้าบๆ ซะนี่
.
คิลกระตุกรอยยิ้มเหี้..ยมเกรียม  หักนิ้วดังกร๊อบๆ  สัญชาติญาณของหัวขโมยรับรู้ได้ทันทีว่าอารมณ์ของคนตรงหน้ากำลังจะปะทุในไม่กี่อึดใจนี้แล้ว    เจ้าตัวยุ่งค่อยๆ หันหลังแล้วรีบใส่ตี..นหมาโกยอย่างสุดชีวิต!!!
    คิลก็ไม่รอช้าเช่นกันถึงเท้าหัวขโมยจะไวแค่ไหน  แต่นักฆ่าอย่างเขาก็ใช่ย่อยซะเมื่อไหร่    เมื่อมีเหยื่อมารนหาที่ถึงตรงหน้า  สุนัขจิ้งจอกมีหรือจะปล่อยเหยื่ออันโอชะไป  ทั้งคู่วิ่งไล่กวดกันไปจนรอบป้อมอัศวิน    เป็นที่ครื้นเครงของผู้พบเห็น จนถึงกับตั้งโต๊ะพนันกันว่าหัวขโมยจะโดนนักฆ่าตื้บหรือมันจะรอดมือพญามัจจุราชไปได้   
.คาโลมองภาพเฟรินที่กำลังหนีเจ้านักฆ่าบ้าเลือดก็ส่ายหัวอย่างเอือมระอา
 
จนมันเป็นผู้หญิงเต็มตัวแล้วก็ยังวิ่งไล่เตะอย่างกับเด็กผู้ชาย
..
..แต่เขาไม่คิดช่วยมันหรอก    ให้มันโดนซะบ้างเผื่อจะได้หายซ่าไปบ้าง
..
..เอาไว้คืนนี้ค่อยตามไปรักษาแผลให้มันทีหลัง
..
คืนนี้แหละ
..หึหึ
.
รอยยิ้มที่ฉาบไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นบนใบหน้าเจ้าชายรูปงามแห่งคาโนวาลแวบนึง  คงไม่มีใครทันสังเกตุเห็นหรอกว่าแววตาสีฟ้าสวยมันมีประกายแปลกๆ  ที่ถ้าเจ้าหญิงหัวขโมยล่วงรู้อาจจะต้องขนลุกขนพองไปเลยก็ได้
..
เสียงเอะอะเฮฮายังดังมาจากผู้ชมทั้งหลายที่มาร่วมเชียร์    ภาพคู่หูคู่ฮาแห่งป้อมอัศวินที่วิ่งไล่ฟัดกันด้วยความรักปานจะกระอักเลือดตายมีอยู่ให้เห็นเสมอในป้อมอัศวินแห่งนี้      ป้อมที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเสมอ  ป้อมที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ  แม้ว่าการแสดงความรักนั้นจะออกแนวโหดไปหน่อย    แต่พวกเขาก็ยังเป็นเพื่อนรักกันตลอดไป
..
สาส์นจากผู้เขียน :
ตอนตำนานรักดอกทานตะวันเนี่ย  เราเอาเค้าโครงเรื่องมาจากตำนานกรีกเทพแห่งดวงอาทิตย์  ก็คือเทพฟีบัส  อพอลโลนั่นเองแหละ  คราวที่แล้วเราแต่งเรื่องของเฟรินกะคาโลไปแล้ว  คราวนี้เราก็เลยลองเอาเรื่องของคิลกะเรนอนมาบ้าง  แต่ส่วนใหญ่มันจะเป็นคิลคุยกะโรมากกว่า 5555    ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ก็ไม่รู้สิ5555 
ส่วนเรื่องดอกทานตะวันน่ะ  แม้ตำนานของมันจะเศร้าไปหน่อยแต่เราว่านะ  ดอกทานตะวันก็มีความหมายดีๆ ของมันแฝงไว้อยู่เหมือนกัน  มันเหมือนกับความมั่นคง  ความสดใสร่าเริง  อะไรทำนองเนี้ยอ่ะ
แล้วก็ต้องขอขอบคุณผู้อ่านทุกๆ ท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านผลงานของเรานะ  ขอบคุณมากๆ  ส่วนเรื่องจะแต่งเรื่องยาวคงต้องขอคิดดูก่อน    เพราะแค่แต่งเรื่องสั้น ก็คิดจนแทบกระอัก แล้วอ่ะ  อีกอย่างกลัวมุขแป๊ก  แต่ถ้าเป็นเรื่องสั้นมีแน่นอน  ตอนนี้กำลังเล็งอยู่ว่าจะเขียนเรื่องของใครต่อไปดี
..
****************************************************************
ผลงานอื่นๆ ของ la plume
เรื่องสั้น
1.  ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอส ตอน Dream?
2.  ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอส ตอน ตำนานรักดอกทานตะวัน
เรื่องยาว
1.  ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอส ตอน เรื่องสนุกๆ ของเฟริน
2.  Amdis
หมวดความรู้ (ข้อมูล+ตำนานของสัตว์วิเศษในตำนาน)
1. ว่ากันด้วยเรื่องของมังกร
2. ยูนิคอร์น Unicorn
3. ตำนานนกฟีนิกซ์
4. ฮิปโปกริฟ-กริฟฟิน
5. แพนโดรา-Pandora Box
6. เพกาซัส-Pegasus
*** ลงเรื่องครั้งแรกวันที่ 10/11/48
*** แก้ไขเมื่อวันที่ 8/1/48
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น